Skip to main content

Eagle by Kawaguchi Kaiji and Kunimitsu no Matsuri by Yuma Ando and Masashi Asaki

Submitted by admin on

สองสามวันมานี่เอาการ์ตูน Eagle ของ Kawaguchi Kaiji มาอ่าน (คนเขียนยุทธการใต้สมุทร) แล้วประมาณเดือนที่แล้วมี Kunimitsu เล่มใหม่ออก (คนเขียนคนเีดียวกะ Psychometrer Eiji) ทั้งสองเรื่องเป็นการ์ตูนการเมือง เรื่องแรกออกจะจริงจังหน่อยตามสไตล์ Kawaguchi เรื่องหลังออกฮานิด ๆ แต่ข้อมูลละเอียด

ความเหมือนของทั้งสองเรื่องคือตัวเอกเป็นตัวละครทางการเมือง พยายามเลือกตั้ง อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้านักการเมืองไทยได้สักครึ่งของอย่างนี้จะดี Max ๆ โลกคงหน้าอยู่ (การ์ตูนนี่หว่า ทำไงได้...) มันรู้สึกว่าเนี่ย สิ่งที่มันพยายามนำเสนอในการ์ตูนเนี้ย ก็คือเป้าหมายที่นักการเมืองควรจะเป็น นักการเมืองควรจะมี mission ตัวเองแบบในเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่มาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง (แนะนำ Eagle มาก ๆ ใครชอบ Kawaguchi นี่ควรจะไปหามาอ่านซะ)

Kawaguchi นี่เขียนนิยายแต่ละเรื่องตัวเอกจะแบบว่า High determination พร้อมจะสละทุกสิ่งเพื่อความเชื่อของตัวเอง จะเห็นการใช้ชีวิตแบบมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย อ่านแล้วอายในความขี้เกียจของตัวเอง อ่านแล้วขยันทำงาน นี่พึ่งไปเอาเรื่อง Araraki Express มา ยังไม่ไ้ด้อ่านเลย จบ icra ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

นึกถึงบทความของ เซี่ยงเส้าหลง

ฝากนายกฯทักษิณ ชินวัตร ช่วยเรียนคุณหญิงพจมาน ชินวัตรนำความไปบอกนายสุชน ชาลีเครือผู้เป็นเสมือนเครือญาติ...

ให้ท่านไปศึกษาวัตรปฏิบัติที่ถือเป็นวีรกรรมของผู้มีตำแหน่ง "ประธานสภา" ของอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง

นายพึ่ง ศรีจันทร์

ถ้านายกฯทักษิณ ชินวัตรไม่เคยศึกษามา ก็ขอบอกเล่าไว้โดยสังเขป ณ ที่นี้ เพื่อจะได้ช่วยนำไปเรียนคุณหญิงพจมาน ชินวัตรนำความไปบอกนายสุชน ชาลีเครือผู้เป็นเสมือนเครือญาติ...

................................

นายพึ่ง ศรีจันทร์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2489 สังกัดพรรคสหชีพ อันเป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่สนับสนุนท่านปรีดี พนมยงค์ และเป็นพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล

ท่านได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2490

พล.ร.ต.หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในขณะนั้นยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2490 และได้รับการบรรจุเข้าวาระ ใช้เวลาอภิปรายซักฟอกรัฐบาลในหลายประเด็นอยู่ 7 วัน 7 คืน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2490 เป็นต้นไป

นายพึ่ง ศรีจันทร์ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเที่ยงธรรม โดยไม่คำนึงถึงพรรคต้นสังกัด

ยึดถือแต่ระเบียบข้อบังคับ

จนแม้แกนนำพรรคฝ่ายค้านที่มีอุดมการณ์แตกต่างกัน ก็ยังเขียนบันทึกคำชมเชยไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

เพราะท่านยึดถือว่าขณะทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ท่านไม่ได้สวมหมวกสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล

แต่สวมหมวกประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

อย่าว่าแต่จะเปิดโอกาสให้ส.ส.พรรคฝ่ายค้านแสดงความคิดเห็น หากทำถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ

ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี หากกระทำการไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตรงตามระเบียบข้อบังคับ ท่านก็ไม่เคยละเว้นที่จะเตือน

แม้แต่นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็เคยถูกประธานสภาผู้แทนราษฎรท่านนี้ห้ามไม่ให้พูดนอกประเด็น

เกิดรัฐประหารล้มรัฐบาลฝ่ายสนับสนุนท่านปรีดี พนมยงค์เมื่อคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490

แต่ก่อนหน้านั้น 1 วัน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2490 นายพึ่ง ศรีจันทร์สั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรออกหนังสือเชิญประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2490

ท่านจึงไม่หนีไปไหน

เมื่อถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2490 นายพึ่ง ศรีจันทร์เดินทางไปยังที่ทำการรัฐสภาในขณะนั้น คือ พระที่นั่งอนันตสมาคม ขึ้นนั่งบัลลังก์ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรงตามกำหนดนัดเวลา 10.00 น. โดยไม่ยอมรับรู้อำนาจของคณะรัฐประหาร ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นรถถังยังคงตรึงกำลังอยู่ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าหน้าที่ทำการรัฐสภา และมีกำลังทหารอยู่ภายในบริเวณที่ทำการรัฐสภาด้วย

มีส.ส.เข้าร่วมประชุมวันนั้นประมาณ 20 คน

นายพึ่ง ศรีจันทร์สั่งเลิกการประชุม เพราะองค์ประชุมไม่ครบ

ขณะที่กำลังดำเนินการประชุมชั่วช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้น พล.ท.หลวงกาจสงคราม รองหัวหน้าคณะรัฐประหาร เดินทางมาเชิญตัวนายพึ่ง ศรีจันทร์ รวมทั้งนายเจริญ ปัณฑโร และนายประเสริฐ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการและรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ไปกักตัวไว้ที่กระทรวงกลาโหม และสอบสวนเพื่อเอาผิดในข้อหากบฏ

นายพึ่ง ศรีจันทร์ชี้แจงว่ากำหนดนัดประชุมมีขึ้นโดยอำนาจที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2490 ก่อนวันรัฐประหาร 1 วัน

ท่านในฐานะผู้สั่งการให้มีการประชุม ต้องรับผิดชอบ จะไม่มาประชุมได้อย่างไร

นายพึ่ง ศรีจันทร์ชี้แจงว่ากระทำไปโดยอำนาจตามกฎหมาย จะหาว่ากบฏได้อย่างไร คณะรัฐประหารเองต่างหากที่กระทำการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ละเมิดกฎหมายของบ้านเมือง เข้าลักษณะกบฏ

นายพึ่ง ศรีจันทร์ ถูกกักตัวอยู่ 3 วัน ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระโดยคณะรัฐประหารไม่ได้ตั้งข้อหาอะไร ภายใต้การวิ่งเต้นช่วยเหลือของม.จ.นิตยากร วรวรรณ อดีตส.ส.พระนครศรีอยุธยาผู้มีสมญาว่า "เห่าหม้อ" ที่เคารพนับถือกันมานานวัน

นายพึ่ง ศรีจันทร์ ยุติบทบาททางการเมืองอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนั้น แต่ก็ยังคงมีบทบาทเคลื่อนไหวรับใช้ส่วนรวมในท้องถิ่นตามโอกาสอันควร ตราบจนสิ้นลมปราณตามอายุขัยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2535 สิริอายุได้ 85 ปี

ทิ้งไว้แต่ "ตำนาน" ให้คนรุ่นหลังได้พิจารณา !

จริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่อ่านแล้วก็ชอบ...

เฮ่อ... man lives by hope...